ทว่ามะรุมถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทั่วทั้งต้น ไม่ว่าจะเป็นใบมะรุม ฝักมะรุม เปลือกต้น หรือแม้กระทั่งรากของมะรุมก็มีสรรพคุณทางยาเช่นเดียวกัน แต่สำหรับวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “ใบมะรุม” ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ใบมะรุมควรเลือกรับประทานใบที่มีอายุกำลังโตพอดี ไม่แก่เกินไปหรืออ่อนเกินไป การรับประทานแบบผ่านน้ำร้อนจะถือว่าปลอดภัยแต่อย่าให้ร้อนมาก เพราะการรับประทานใบมะรุมแบบสด ๆ จะได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างเต็มที่
คุณค่าทางโภชนาการใบมะรุมต่อ 100 กรัม
พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่ / คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม / ไฟเบอร์ 3.2 กรัม / ไขมัน 0.20 กรัม / โปรตีน 2.10 กรัม / น้ำ 88.20 กรัม
วิตามินบี1 0.0530 มิลลิกรัม 5% / วิตามินบี2 0.074 มิลลิกรัม 6% / วิตามินบี3 0.620 4% / วิตามินบี5 0.794 มิลลิกรัม 16% / วิตามินบี6 0.120 มิลลิกรัม 9% / วิตามินบี9 44 ไมโครกรัม 11% / วิตามินซี 141.0 มิลลกรัม 170%
ธาตุแคลเซียม 30 มิลลกรัม 3% / ธาตุเหล็ก 0.36 มิลลิกรัม 3% / ธาตุแมกนีเซียม 45 มิลลิกรัม 13% / ธาตุแมงกานีส 0.259 มิลลิกรัม 12% / ธาตุฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม 7% / ธาตุโพแทสเซียม 461 มิลลิกรัม 10% / ธาตุโซเดียม 42 มิลลิกรัม 3% / ธาตุสังกะสี 0.45 มิลลิกรัม 5%
สรรพคุณใบมะรุม
1.ใบมะรุมช่วยแก้อาการไข้และถอนพิษจากไข้ได้
2.บรรเทาอาการปวดศีรษะ
3.รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
4.ช่วยขับปัสสาวะ (ทั้งดอกและใบ)
5.ช่วยแก้อักเสบ,แผลสด
6.ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
7.ลดไขมันในเส้นเลือดได้ดี
ข้อควรระวัง
1.การรับประทานมะรุมในปริมาณมากจนเกินไปหรือทานติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อตับได้เนื่องจากตับมีค่าเอนไซม์ที่สูงเกินไปนั่นเอง
2.สตรีมีครรภ์พยายามหลีกเหลี่ยงการรับประทานมะรุมในปริมาณที่มากเกินไปเช่นเดียวกัน (ทานได้บาง ไม่ถึงกับรับประทานไม่ได้เลย)
3.เด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 2 ปี ไม่ควรรับประทานใบมะรุม เพราะด้วยใบมะรุมที่ธาตุเหล็กสูงมาก หากเด็กในวัยนั้นรับประทานอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี