สับปะรดมีถิ่นกำเนิดในพื้นที่แถบร้อนบริเวณประเทศบราซิลถูกใช้เป็นพืชสมุนไพรอย่างแพร่หลายมาก เพราะด้วยสับปะรดมีเอนไซม์โบรมิเรนค่อนข้างสูงที่มีสรรพคุณย่อยสลายโปรตีน เมื่อนำไปหมักกับเนื้อสัตว์จะทำให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้นรับประทานง่าย
การรับประทานสับปะรดหลังการรับประทานอาหารหนัก ๆ เช่น สเต็ก หรือ บุฟเฟ่ ที่มีปริมาณเนื้อสัตว์จำนวนมาก สามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการลดภาระการย่อยอาหารในกระเพาะอีกด้วย และจะไม่ทำให้รู้ถึงแน่นท้องจนเกินไป
คุณค่าทางโภชนาการ
หากเทียบสับปะรด 1 ผล สับปะรดอุดมไปด้วยสารอาหารหลากชนิดมีทั้ง โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี มีเบต้าแคโรทีนที่ร่างกายสามารถนำไปสังเคราะห์ต่อเป็นวิตามินเอได้ จะเห็นได้ว่าควบคุมสิ่งที่ร่างกายมนุษย์ต้องการเลยทีเดียว
สรรพคุณสับปะรด
ราก : นำไปต้มกับน้ำดื่มช่วยล้างระบบลำไส้และระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการก่อตัวของพยาธิอีกด้วย
เปลือกผล : ต้มกับน้ำจิมเพื่อบำรุงไต และช่วยขับปัสสาวะ
แกนกลางสับปะรด : รับประทานสดช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูก และเป็นยาระบายอ่อน ๆ
ผลสุก : ใช้รับประทานเป็นผลไม้ในมื้อว่าง หรือ จะนำไปประกอบอาหารในเมนูจานหลักได้ สับปะรดผลสุกสามารถช่วยบรรเทาอาหารไอ และขับเสมหะได้ดี หรือการรับประทานสับปะรดผลสุกหลังอาหารมื้อหลัก จะช่วยแบ่งเบาภาระการย่อยอาหารของกระเพาะได้ อีกทั้งช่วยในเรื่องของอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ ปรับสมดุลการขับถ่ายให้ดีขึ้น
ประโยชน์สับปะรด
1.ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งชุ่มชื้น
2.ชะลอริ้วรอยแห่งวัย
3.นำไปประกอบอาหารจานหลักได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด
4.นำไปหมักเนื้อสัตว์ช่วยให้เนื้อสัตว์นุ่มน่ารับประทานมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้สารเคมีปรุงแต่ง (แต่ต้องระวังหากหมักนานเกินไป ระวังเนื้อสัตว์จะนิ่มจนแหลกเกินไป)
5.สับปะรดเป็นผลไม้ที่รับประทานง่ายรสชาติอร่อยมีไฟเบอร์สูงช่วยให้อยู่ท้อง สามารถรับประทานเป็นมื้อระหว่างวันได้
ข้อควรระวัง
สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีกรดการรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือ ทานตอนท้องว่าง อาจทำให้กระเพาะระคายเคืองได้รวมถึงช่องปาก และเฝ้าระวังหากเก็บไว้หลายวันเพราะสับปะรดค่อนข้างเน่าเสียง่าย ให้สังเกตว่าหากเริ่มมีน้ำเหนียว ๆ ออกมาจากผลสับปะรด หรือ มีกลิ่นที่แปลกไปให้พึงคิดไว้เลยว่าสับปะรดผลนั่นอาจเน่าเสียไม่สามารถรับประทานได้แล้ว